
แต่เดิมที่เราคิดว่าการเลี้ยงลูกในช่วงขวบปีแรก สมองและการสื่อสารของเด็กจะยังพัฒนาไม่เต็มที่ ยังรับรู้อะไรไม่ได้มาก ทั้งความเอาใจใส่ นิสัย หรือพฤติกรรม แต่งานวิจัยของมหาวิทยาลัย Harvard บอกว่าสิ่งที่เราเชื่อนั้น มันผิดถนัด
เคยสังเกตกันไหมว่า นิสัยและพฤติกรรมบางอย่าง ที่พ่อแม่เห็นมาตั้งแต่เด็กและคิดว่ามันจะหายไปเองเมื่อโตขึ้น บางอย่างมันก็ไม่ได้หายไปแต่กลับติดตัวจนไปจนโต แก้ไม่ได้อีกแล้ว นั่นเพราะว่า
สมองของเด็กจนถึง 3 ขวบนั้นถูกพัฒนาขึ้นมาถึง 80% นั่นแหละคือช่วงเวลาที่เด็กจะซึมซับทุกอย่างเข้าไปและแสดงออกมาเป็นตัวตนของเขา จีงยากที่จะปรับเปลี่ยนตอนโต หรือถ้าจะแก้ก็ต้องใช้พลังกันแบบมหาศาล
นั่นทำให้พ่อแม่ส่วนใหญ่เลี้ยงลูกไปเหนื่อยไป ไม่มีวันจบสิ้นเพราะพื้นฐาน 3 ปีแรกถูกละเลย
ความเชื่อที่ว่าเด็กยังเล็ก ยังไม่รู้เรื่อง นั่นจีงไม่จริงเท่าไหร่นักเพราะ สมอง ประสาทสัมผัสเติบโตเต็มที่แล้ว เขารับรู้ได้ผ่านทางความรู้สึก อารมณ์ แม้จะโต้ตอบกลับมาไม่ได้แต่เขาถูกหล่อหลอมตั้งแต่วันแรกที่เกิดออกมาเลย

ที่มา https://developingchild.harvard.edu/science/key-concepts/brain-architecture/
จากกราฟจะแสดงให้เห็นว่า สมองเด็กในช่วงแรกนั้นมีความสามารถในการเรียนรู้สูงมาก แม้ว่าจะใช้พลังแค่น้อยนิด ต่างกับผู้ใหญ่ ที่จะยิ่งเปลี่ยนยากเมื่อโตขึ้น เราต้องใช้พลังเยอะขึ้น ถ้าจะเปลี่ยนแปลง
ตามสำนวนของไทยที่ว่า “ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก” เป๊ะ
นั่นหมายความว่า “ห้วงเวลาทองคำ” นั้นมีอยู่จริง การอ่านหนังสือเล่าเรื่องราวที่ดีให้เด็กฟัง เป็นวิธีที่ง่ายและเสียเวลาน้อยที่สุด เพื่อสร้างพื้นฐานในช่วงเวลานี้
ปล.ทีนี้ก็อยู่ที่คุณจะเลือกแล้วล่ะ ว่าจะยอมลงทุนเหนื่อยใน 3 ปีแรกเพื่อปลูกผังนิสัยและพฤติกรรมที่ดีให้กับเด็ก หรือว่าจะไปใส่พลังเหนื่อยแก้ในอนาคตแทน
นิทานปลูกผังนิสัยสามารถเล่าให้เด็กฟังได้เลยตั้งแต่แรกเกิด และมันจะส่งผลอย่างมหัศจรรย์เมื่อเขาโตขึ้น